ช่วงนี้มีหลายท่านที่เป็นเพื่อนผู้เขียนได้วานให้ช่วยวางแผนจุดชาร์จรถ EV ให้ เนื่องจากเป็นผู้ใช้ใหม่ อาจจะพึ่งได้รถมาใหม่ หรือทดลองเช่ารถ EV มาใช้งาน วันนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำเทคนิคง่าย ๆ หาจุดชาร์จรถที่ผมใช้ในการเดินทางไกลกับรถ MG EP
ด้วยความที่รถ EV ค่อนข้างจะเสียเวลาในการชาร์จเพิ่มเติมอยู่แล้ว ดังนั้นเวลาเดินทางไกล จะพยายามไม่อ้อม และใช้เวลาน้อยที่สุด เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทาง และใช้ระยะทางน้อยที่สุด เพื่อไม่ต้องแวะชาร์จบ่อย
ก่อนอื่นเราต้องมาเข้าใจพฤติกรรมรถ EV ก่อน
- ส่วนใหญ่รถทุกคัน จะชาร์จเร็วในช่วง State of Charge (SOC) หรือเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ อยู่ที่ 0-80%
>>>> ดังนั้นเวลาเดินทางไกล เราจะใช้งานช่วงแบตที่ 0-80% เช่นเดียวกัน จะไม่ชาร์จเกิน 80% ไปเยอะ เพราะจะใช้เวลานาน
- ถ้ารถกินไฟที่ 15kWh/100km แวะชาร์จ 30 นาที จะวิ่งได้ประมาณเกือบ ๆ 166km (ชาร์จกับตู้ 50kW) หากเจอตู้ชาร์จเร็วกว่านี้ ก็อาจจะวิ่งได้ถึง 200km โดยข้อมูลนี้ผู้เขียนอ้างอิงจากรถ MG EP
>>>> ดังนั้นหากใช้รถที่กินไฟ ก็อาจจะใช้เวลานานขึ้นในการชาร์จ - นอกจากอัตราการใช้ไฟที่ไม่เท่ากันแล้ว อัตราการชาร์จไฟของรถแต่ละรุ่นก็ไม่เท่ากันเช่นกัน
>>>> เทคนิคง่าย ๆ ในการเลือกตู้ชาร์จโดยไม่ต้องรู้ข้อมูลสเปคของรถมากนัก
1. รถฝั่งยุโรปและมะกัน เช่น Volvo Porsche BMW Ford และ Tesla เน้นใช้บริการตู้ชาร์จอย่าง PTT (120kW เป็นส่วนใหญ่) และ Elexa จะชาร์จได้เร็วกว่ามาก ไม่แนะนำให้ใช้ PEA Volta (50kW) หากไม่จำเป็น
2. รถจีน เช่น MG และ Ora ที่ชาร์จช้าอยู่แล้ว รับไฟเต็มที่ไม่เกิน 80kW จะใช้ตู้อะไรก็ได้ - ระยะทางจะไปไกลมากขึ้น ถ้าขับช้า และระยะทางน้อยลง ถ้าขับเร็ว
>>>> MG EP ถ้าขับความเร็ว 80km/hr ตลอดทาง อาจจะทำระยะทางได้เกือบ 400km ต่อแบตเตอรี่เต็ม 100%
>>>> MG EP ถ้าขับความเร็ว 120km/hr ตลอดทาง อาจจะทำระยะทางได้เพียง 290km ต่อแบตเตอรี่เต็ม 100%
และโดยส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้แทบทุกรุ่นดังนั้นหากระยะทางไม่ถึงจุดชาร์จถัดไป ก็สามารถชลอความเร็วลงเพื่อให้ระยะทางเพิ่มขึ้นได้
ยกตัวอย่างการเดินทาง กทม. ไป เกาะช้าง
ผู้เขียนแนะนำให้ก่อนเดินทาง ควรจะเปิดคอมเพื่อใช้งานเว็บ plugshare ก็จะมีฟังก์ชั่น Trip Planner ผ่านเว็บไซต์ได้เลย โดยเลือกพิกัดเริ่มต้น และพิกัดปลายทางลงไปในเว็บ ก็จะขึ้นมาเป็นภาพด้านล่าง
(อย่าลืมสมัครสมาชิกเว็บไซต์ไว้ด้วย เพราะจะต้องเซฟ trip และข้อมูลจะมาแสดงในแอปพลิเคชั่นบนมือถือ)
โดยเราจะเลือกสถานีทางผ่าน ที่เป็นปักหมุดสีส้ม เพราะเป็นตู้ชาร์จเร็ว (สีเขียวเป็นตู้ชาร์จช้า)
และกด Add to Trip สถานีชาร์จที่เราต้องการแวะชาร์จได้เลยครับ โดยเลือกระยะห่างระหว่างสถานีไม่เกิน 200km หรือตามระยะทางที่รถรุ่นนั้น ๆ วิ่งถึง
เทคนิคง่าย ๆ ในการเลือกสถานีชาร์จ ส่วนตัวจะเน้นเลือก PEA Volta เป็นหลัก เพราะสถานีชาร์จมีครอบคลุม และระบบเสถียร รองลงมาที่เลือกใช้ จะเป็น PTT EV Station เพราะปัจจุบันยังฟรีอยู่ และ Elexa ไว้ท้าย ๆ เพราะค่าไฟแพง และที่แทบไม่เลือกเลยคือ EA anywhere เพราะพึงพาไม่ค่อยได้
จากอนุสาวรีย์ชัย >>>> PEA Volta วังจันทร์
ระยะทาง 144km
PEA Volta วังจันทร์ >>>> PEA Volta ท่าใหม่
ระยะทาง 76.7km
ทั้ง 2 จุดแวะชาร์จ ระยะทางไม่เกิน 200km ถือว่าขับได้สบาย ๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ที่น่ากังวลคือจาก PEA Volta ท่าใหม่ ไปเกาะช้าง ใช้ระยะทาง 123km และยังไม่นับรวมขากลับ และขับรถเที่ยวรอบเกาะช้าง ซึ่งอาจจะใช้ระยะทางมากกว่า 300km ซึ่งเกินกว่าระยะทางของรถ mg ep ที่ขับได้โดยไม่ต้องคิดมาก และลุ้นว่าไฟจะพอหรือไม่
ทางแก้ไขของผู้เขียนที่แนะนำคือ
- ขยับไปชาร์จอีกตู้ที่ใกล้เกาะช้างมากขึ้น ในที่นี้ตู้ DC ตู้สุดท้าย คือ PTT Ev Station บจ.สงวนสิน เอ็นเนอร์ยี่ จะลดระยะทางจาก 123km เหลือ 109km ถึงเกาะช้าง
2. ชาร์จจุดสุดท้ายให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เต็ม 100% ได้ยิ่งดี
>>>>>> ซึ่งจะใช้ระยะเวลานานเกือบ ๆ 1 ชั่วโมง
3. ขับด้วยความเร็วต่ำ ไม่เกิน 80km/hr จะเพิ่มระยะทางได้อีกมาก
4. ถ้าวางแผนเส้นทางเที่ยวในเกาะช้างไว้แต่แรก จะช่วยให้เราควบคุมระยะทางได้ดีมากขึ้น และโอกาสไฟหมดกลางทางน้อยลง
อย่าลืมกด Save และข้อมูล Trip Planner ที่วางแผนไว้ จะไปอยู่ในแอปพลิเคชั่นบนมือถือที่ Log in account เดียวกัน
Tip เพิ่มเติม ไม่ให้กินข้าวลิง ชาร์จไฟไม่ได้ระหว่างทาง
- ดูรีวิวตู้ชาร์จที่จะไป ในแอป Plugshare ว่าสามารถใช้งานได้ปกติหรือไม่
- ดูสถานะตู้ ว่า Online อยู่หรือไม่
- ดูเวลาทำการของปั๊มน้ำมัน (PEA Volta ในปั๊มบางจากบางแห่ง ไม่เปิด 24 ชั่วโมง)
- คิดแผนสำรองเสมอ
>>> หากเที่ยวเกาะช้างเพลิน ระยะทางไม่ถึง จะไปชาร์จต่อที่ไหน
>>> หากจุดชาร์จที่เราตั้งใจจะไปใช้งานไม่ได้ จะไปชาร์จต่อที่จุดไหน ระยะทางเหลือเพียงพอไหม
อย่างตู้ชาร์จที่ใกล้เกาะช้างที่สุด ก็จะเป็นตู้ PTT EV Station ในตัวเมืองตราด (ซึ่งต้องอ้อมเข้าเมืองไปไกลอยู่เช่นเดียวกัน
และนี่คือตัวอย่างการวางแผนเส้นทางคร่าว ๆ บน App Plugshare
และฝากแอปชาร์จไฟ / ข้อมูลพิกัดจุดชาร์จไฟที่ผู้เขียนมีติดเครื่องไว้ ตามรูปด้านล่าง
สุดท้าย ใครลืมวางแผนเส้นทางผ่านคอมบนเว็บ Plugshare.com เทคนิคจริง ๆ ที่ผู้เขียนใช้คือ การเปิดค้นหาเส้นทางบน Google Maps และเปิดแอป Plugshare หรือแอปชาร์จไฟอื่น ๆ แล้วดูว่าเราผ่านจุดชาร์จไหนบ้าง และลองกดนำทางบน Google maps ไปเรื่อย ๆ ว่าระยะทางเพียงพอหรือไม่
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมบทความครับ หากชอบ หากถูกใจสามารถติดตามผู้เขียนได้ที่
facebook : Hammer Corp. | Facebook
twitter : @cleverham