CR : รีวิว AIS 4G Pocket Wifi แชร์เน็ตให้ทั้งครอบครัวได้ใช้ ในราคาประหยัด

หลายท่านอาจจะเปิดใช้บริการ Data บนมือถือส่วนตัวอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ Pocket Wifi แต่อย่างใด แต่ผมได้เห็นสินค้าตัวนี้บน facebook ซึ่งราคามันถูกมาก เพียง 2,590บาท รวมซิมเน็ตมาราธอน 4Mbps 12 เดือน ก็เลยลองซื้อมาใช้งานเล่น ๆ และพบว่า มันเจ๋งกว่าที่คิด ถ้าคุณเป็นคนที่ทำงานนอกสถานที่ ใช้แบนวิธในปริมาณที่เยอะแล้วอยากจะประหยัดเน็ต หรือจะเป็นการแชร์เน็ตให้ครอบครัว หรือเพื่อน ๆ ได้ใช้กัน เดี๋ยวเราจะมาทดสอบการใช้งานต่าง ๆ ให้ทุกท่านได้ชมกันครับ

update 15/8/2562 เครื่องมีอาการ Restart ตัวเองบ่อย ๆ ผู้เขียนอยู่ในระหว่างติดต่อกับ AIS เพื่อทำการเคลมสินค้า และจะกลับมาอัพเดตอีกทีครับ

Update 23/9/2562 รีวิว ส่งซ่อมอุปกรณ์กับ AIS Shop
สรุป ได้เครื่องใหม่กับทาง AIS มาครับ แต่ด้วยความที่อุปกรณ์อาจจะมีมาตรฐานที่ไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากผู้เขียนได้ไปหาข้อมูลจากแหล่งอื่น พบว่ามีผู้ใช้ท่านอื่น มีอาการเช่นเดียวกัน ดังนั้นใช้งานไม่นานนัก อาจจะมีปัญหาเหมือนเดิม ดังนั้นอยู่ที่การตัดสินใจของผู้อ่านแล้วครับ ว่าจะคุ้มหรือไม่

เริ่มต้นที่สเปคสินค้ากันก่อนเลย !!

หลัก ๆ ที่ผู้ใช้งานควรรู้

  1. 3G ใช้คลื่นความถี่ 900 และ 2100 (ดังนั้นใครจะซื้อไปใส่ซิมทรู ก็อาจจะทำให้สัญญาณ drop ลงนะครับ)
  2. 4G ใช้คลื่นความถี่ 900 1800 และ 2100
  3. รองรับการเชื่อมต่อสูงสุด 10 เครื่อง
  4. ความเร็วสูงสุดผ่าน LTE 150Mbps/50Mbps

อุปกรณ์ที่แถมมาภายในกล่อง

  1. AIS 4G Pocket WiFi
  2. แบตเตอรี่ขนาด 3,000mHA ขนาด M20H
  3. หม้อแปลงชาร์จ
  4. สาย Micro USB สั้นนิดเดียว
  5. ซิม Net Marathon 4Mbps 12 เดือน (เฉพาะผู้ที่ซื้อพ่วงกันในราคา 2,590 บาท เท่านั้น)

รูปลักษณ์ตัวเครื่อง

AIS 4G pocket Wifi ออกแบบในลักษณะโค้งมน 4 ด้าน

ผิวด้าน จับถนัดมือ ทำให้ไม่ลื่น ไม่เสี่ยงต่อการทำตกพื้น

แผงสีดำด้านหน้า มีไฟแสดงสถานะด้วยกัน 4 ข้อมูล

  1. สัญญาณการเชื่อมต่อ Cellular
  2. สัญญาณ WiFi
  3. สถานะบอก SMS
  4. สถานะแบตเตอรี่

ซึ่งมีข้อเสียคือ ผู้ใช้งานต้องจำเอาเอง ว่าสีเขียวกระพริบ สีแดงกระพริบ มันหมายความว่าอะไร ซึ่งยากต่อการเข้าใจ ต้องเปิดคู่มือที่แทบมาเพื่อท่องจำเท่านั้น โดยผมขอยกตัวอย่างสถานะแบตเตอรี่

  1. สีเขียวติดตลอด = > 60 %
  2. สีเขียวกระพริบ = 20-60 %
  3. สีแดงกระพริบ = < 20 %
  4. สีแดง และสีเขียวกระพริบ = กำลังชาร์จ

จะสังเกตว่าการแสดงสถานะแบบนี้ ยากต่อการเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง ในการใช้งานจริง เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสัญญาณ Cellular ดีมากน้อยขนาดไหน ผมดูสถานะเพียงแค่อย่างเดียว คือแบตเตอรี่

ด้านบนของตัวเครื่องเป็นปุ่ม Power การเปิดปิดเครื่องจะต้องกดค้าง

ส่วนการกดสั้น ๆ จะเป็นการทำให้ไฟแสดงสถานะต่าง ๆ ติดขึ้นมาเท่านั้น (เมื่อใช้งานไปสักพัก ไฟแสดงจะดับเอง เพื่อประหยัดพลังงาน)

ซึ่งถ้าสังเกตปุ่ม Power จะเบี้ยวอยู่เล็กน้อย มีช่องไฟไม่สวยงาม เนื่องมาจากงานประกอบที่ไม่ดีมากนัก

ด้านล่างของเครื่องนั้น จะเป็นช่องเสียบชาร์จแบต โดยใช้สาย Micro USB ปกติที่เราใช้กับมือถือ Android ทั่ว ๆ ไป และมีปุ่ม WPS เพื่อให้ผู้ใช้งานเชื่อมต่อโดยไม่ต้องกรอก Password

ที่มุมขวาบนของตัวเครื่อง มีร่องให้ใช้เล็บแงะเพื่อเปิดฝา ใส่ซิม ใส่แบต ซึ่งสามารถถอดเปิดปิดฝาได้โดยง่ายครับ

ด้านหลังของตัวเครื่อง มีสติ๊กเกอร์แปะบอกข้อมูลการ Log-in เข้าหน้า Admin และรวมถึง S/N MAC

หลังจากเปิดฝามา เราจะพบกับช่องใส่แบตขนาด M20H ซึ่งสามารถหาซื้อเป็นแบตสำรองได้ง่าย ตามร้านตู้ทั่วไป

ช่องใส่ซิมขนาด Mini Sim (ซิมใหญ่)

และช่องใส่ Micro SD เพื่อให้สามารถแชร์ไฟล์ระหว่างผู้ใช้งานได้ (แต่บทความนี้ ไม่มีรีวิวในส่วนนี้นะครับ)

สำหรับในหน้า Admin ตัวนี้ ก็คล้ายๆกับ Router ทั่ว ๆ ไป มีแสดงสถานะที่สำคัญต่าง ๆ เช่น

  • สัญญาณ Cellular
  • สถานะแบตเตอรี่
  • จำนวนเครื่องที่เชื่อมต่อ
  • wireless Setting

หรืออะไรก็ตาม ที่ Router พึงมีแสดงไว้ในหน้านี้

การใช้งานในครั้งแรก ก็ไม่มีอะไรยากมากนัก เพียงแค่เสียบซิม ใส่แบต เปิดเครื่อง และเข้าไปเปลี่ยนชื่อ WiFi ตั้งรหัสผ่านใน 192.168.0.1 สักหน่อย ก็ใช้งานได้แล้ว ไม่ยุ่งยากเลย

ผู้ใช้งานสามารถรับส่ง SMS ได้ในเครื่องนี้เลย โดยไม่ต้องไปหาโทรศัพท์มาสลับซิมใส่ แต่ในการใช้งานจริงกลับไม่ค่อยมีประโยชน์มากนัก ผมกลับอยากให้มีให้สามารถโทร *xxx# ได้ซะมากกว่า เพื่อตรวจสอบสถานะต่าง ๆ ของเบอร์ได้

ในการใช้งานหน้า Admin ก็พบว่า UI สวยดี เข้าใจการใช้งานได้โดยง่าย (สำหรับผู้ใช้ที่เป็น IT นะครับ ไม่ทราบว่า End-User จะรู้สึกยังไง)

แต่ปัญหาใหญ่ที่พบคือ การทำงานที่ช้า กดปุ่มไปแล้ว กว่าหน้าจะ response กลับใช้เวลาวินาทีกว่า ๆ เลยทีเดียว

สรุป !! ความรู้สึกจากการใช้งานจริง 

สิ่งที่เห็นว่าดี

  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานมาก ระยะเวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ไฟสีแดงกระพริบ (เหลือน้อยกว่า 20%)
  • เน็ต 4Mbps เพียงพอต่อการใช้งานทั่ว ๆ ไป เช่น การทำงานนอกสถานที่ โดยผมได้ทดสอบดู Live TV ผ่าน AIS Play บนรถ พบว่าสามารถดูได้ลื่นไหลตลอดทาง จะมีเพียงบางจุดอับสัญญาณ ที่ทำให้ภาพเริ่มแตก หรือหยุดไป แต่ส่วนใหญ่จะรับสัญญาณได้ดีตลอดเส้นทาง
  • พกพาได้ง่าย จับถนัดมือ ไม่เสี่ยงตก

สิ่งที่ควรปรับปรุง

  • หน้า Admin ทำงานที่ช้า ทำให้การเข้าไปดูสถานะต่าง ๆ เป็นที่น่าหงุดหงิด รวมถึงการแชร์ไฟล์ผ่าน SD ก็อยู่ในหน้า Admin เช่นเดียวกัน ทำให้เราไม่ควรมาใช้งานการแชร์ไฟล์บน MiFi ตัวนี้เลย
  • ไฟสถานะเข้าใจได้ยากมากนัก

ข้อสังเกต

  • ระยะสัญญาณไม่ไกลมากนัก แต่ MiFi ทั่ว ๆ ไปก็ไม่ได้ทำมาให้ส่งสัญญาณได้ไกลอยู่แล้ว
  • สามารถใส่ซิมค่ายอื่นได้ ตามความถี่ที่อุปกรณ์รองรับ
Posted in IT by @cleverham.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *