EP1 : เสี่ยงดวงกันไหม กับ Mercedes Benz S-Class

พื้นที่โฆษณา : ขาย Mercedes-Benz หน้าธนู รุ่น E200 Kompressor รุ่น W211 สภาพดี ซ่อมมาเกือบหมดแล้ว พร้อมใช้งาน

รถหรูอย่าง Mercedes-Benz หรือ BMW ก็คงเป็นรถในฝันของใครหลายคน สำหรับบางคนก็อาจจะมองหารถมือสองที่ค่าตัวร่วงลงมาเยอะ จนเอื้อมถึงง่าย ๆ

วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ Benz S280 W220 ที่ใช้งานมานานกว่า 4 เดือน และ 4, 000 km

เหตุใดจึงเลือก S-Class ??

ที่บ้านเคยใช้ E220 W124 มาก่อน และการขับขี่ไม่ได้ดีไปกว่ารถญี่ปุ่นยุคปี 2000 ที่ใช้อยู่ ทั้งเรื่องของเกียร์ที่ไม่ฉลาด และไม้ปัดก้านเดียวที่เท่ แต่ใช้งานจริงไม่ดี (ทัศนวิสัยแย่) พ่อผมจึงตัดรุ่นนี้ทิ้งไปโดยไม่คิด (ซึ่งผมชอบรุ่นนี้มาก เป็นรุ่นที่สวยอมตะตลอดกาลจริงๆ) ดังนั้นรุ่นที่ราคาไม่แพงจนเกินไป จึงอยู่ในช่วงของ Gen ถัดไป คือ W203 , W211 และ W220

(เครดิต : Rudolf Stricker)

และพอพิจารณาแต่ล่ะรุ่น พบว่า

  • W203 เล็กเกินไป
  • W211 ราคาแพง ปีแรก ๆ อยู่ที่ 5 แสนบวกลบนิดหน่อย และปัญหาของตัวรถก็มีไม่ได้ต่างจาก W220 สักเท่าไหร่ เพิ่มเติมคือระบบเบรคไฟฟ้า SBC และหากเครื่องดีเซล ก็มีปัญหาที่เทอร์โบ หรือหากเลือก E200 Kom ค่าบำรุงก็อาจจะบานปลายอีกนิดนึง เพราะระบบที่เยอะกว่า หากจะเล่นรุ่นนี้ หลายคนจะแนะนำ E240 เครื่อง 2.6 ลิตรกันซะมากกว่า

ดังนั้นหากพิจารณาจากปัญหาที่ทราบข้างต้น จะพบว่า S280 ใช้พื้นฐานเครื่องยนต์เครื่อง M112 ตัวเดียวกับ E240 เป๊ะ เพียงเพิ่มขนาดเครื่องยนต์เป็น 2.8 ลิตร ดังนั้นเครื่องยนต์เกียร์ Benz เหมือนกัน ซ่อมเหมือนกัน

และเมื่อมาเจอกับราคา W220 มือสองแล้ว ยิ่งน่าตะลึงครับ ราคากลางอยู่ที่ 4 แสน + เท่านั้นเอง หรือหากจะหา 3 แสนปลาย ๆ ยังหาได้เลย และสิ่งที่ได้มากกว่า E-Class คือ ความกว้างขวาง , ความนุ่มนวลของช่วงล่าง และความคุ้มค่า เมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายไป (S280 ออกใหม่ 7 ล้านบาท)

ทำไม S-Class ราคาถูกกว่า หรือพอ ๆ กับ E-Class ??

ส่วนตัวผมคิดว่า คนไม่กล้าซื้อมาใช้ เพราะอย่าง W140 ก็มีฉายาว่าปลาวาฬปราบเสี่ย
ด้วยความที่ S-Class มี option เยอะมาก และค่าอะไหล่แพง จนทำให้ราคาถูก เนื่องจากไม่มีคนซื้อใช้ครับ

แล้วปัญหาที่เพิ่มขึ้นมาสำหรับ W220 ล่ะ มีอะไรน่ากังวลบ้าง ???

ระบบโช้คถุงลม อันนี้น่ากลัวสุดครับ เพราะโช้ค OEM ต้นล่ะ 18,000 หากเสียที ก็ต้องเรียกรถสไลด์ที ไปพังต่างจังหวัดก็ปวดหัวเลยทีเดียว โดยจุดที่เสียไม่ได้มีแค่ตัวโช้ค ยังมีวาล์วลม ข้อต่อต่าง ๆ และปั๊มลมด้วย แต่รายการที่เหลือไม่ได้น่ากลัวเท่าโช้คถุงลมครับ

ทางแก้ไขคือ

  • เปลี่ยนไปใช้โช้คสปริง (มีโช้คไทยประดิษฐ์อยู่ครับ จ้างโรงงาน KYB ผลิต เดิมอยู่ชุดล่ะ 30,000 ปัจจุบันราคาขึ้นเป็น 45,000) ซึ่งถ้ามีปัญญาจ่ายค่าซ่อม ผมว่าใช้โช้ค Airmatic ดีกว่าเยอะครับ นุ่มนวลมาก ๆ
  •  ซ่อมโช้ค ราคาอยู่ที่ 10,000 บาท บวกลบ ส่วนผมได้ราคาอยู่ที่ 12,000 บาท พร้อมติดตั้ง

สำหรับรายการอื่นที่มักเสียบ่อย ๆ คือ

  • ประตูดูด!! ค่าซ่อมต่อบาน หลักหมื่นบาทได้ครับ แต่สำหรับปัญหานี้ผมไม่กลัว เนื่องจากถ้ามันพัง ก็ตัดระบบทิ้งไป
  • เรือนไมล์จอดับ รายการนี้ผมโดนแล้ว ค่าซ่อม 4,500 บาท

หลังจากซื้อมา โดนค่าซ่อมอะไรบ้าง

  • 1 เดือน 500 km โช้คหน้าขวารั่ว >>> ค่ารถสไลด์ ฟรีจากบัตรเครดิต และซ่อมโช้ค 12,000 บาท
  • เรือนไมล์ดับ ซ่อมไมล์ย่านแจ้งวัฒนะ ราคา 4,500 บาท
  • 2 เดือน 1,600 km >>> ขับแล้วรู้สึกว่าเกียร์ไม่ดี เลย overhaul เกียร์ เปลี่ยนปะเก็นท้ายเครื่อง ฝาวาล์ว และน้ำมันเครื่อง ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 32,000 บาท
    (เกียร์จุดหก อายุการใช้งานประมาณ 150,000km หรือประมาณ 10 กว่าปี แม้ไม่ได้ใช้งานก็เสื่อม เนื่องจากวัสดุภายในเสื่อมตามกาลเวลา ดังนั้นเมื่อถึงเวลาก็ไม่แนะนำให้หาเกียร์มือสองมาลงนะครับ Overhaul เกียร์ดีกว่า)
  • 4 เดือนกว่า 3400 km โช้คหลังขวารั่ว >>> เปลี่ยนหลังทีเดียว 2 ต้นจบๆไป (จะจบหรือเปล่ายังไม่รู้) ต้นล่ะ 18,000 บาท และค่าแรงเปลี่ยน 2,000 บาท

สรุปเลยว่า ผ่านมาแล้ว 4 เดือน ใช้งบประมาณในการบูรณะให้ใช้งานได้ไปแล้ว 90,000 บาท

จะสังเกตว่าค่าซ่อมส่วนใหญ่มาจากโช้คถุงลม ที่ค่าตัวสูงพอสมควรครับ เท่าที่ผมคุยกับเถ้าแก่ร้านอะไหล่ เขาบอกว่า อายุการใช้งานน่าจะอยู่ราว ๆ 4-5 ปี ก็ต้องเปลี่ยนต้นใหม่แล้ว ดังนั้นสำหรับผู้ที่รุ่นนี้มาใช้งาน หรือ benz รุ่นอื่นๆใกล้เคียงกัน ก็ต้องทำใจไว้ระดับหนึ่งว่า มันไม่ได้ซ่อมถูกระดับรถญี่ปุ่น แต่สิ่งที่ได้มา บางคนก็ว่าคุ้ม เพราะได้ขับขี่ยนตรกรรมหรูจากเยอรมัน ได้เรื่องความปลอดภัย และความนุ่มนวลที่หาในรถรุ่นไหนไม่ได้

แต่ก็ต้องอย่าลืมว่า รถใหม่ราคา 7 ล้าน รถมือสองราคา 4 แสน ซ่อมยังไงก็ยังไม่เกิน Yaris ตัวท็อปนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชมบทความของผม หากมีอะไรอยากสอบถามเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ผ่าน comment หรือคุยกันในเพจได้เลยครับ

บทความนี้เขียนเมื่อวันที่ 24/9/18 และเมื่อรถอายุครบ 1 ปี จะมาอัพเดตให้ฟังอีกครั้งครับ

บทความอื่นเพิ่มเติม

Posted in รถยนต์ มอไซค์ By Hammer.

11 Comments

    • คุณพี่มา comment ได้จังหวะพอดีเป๊ะเลยครับ

      โช้คซ่อมที่ผมพูดถึงในบทความ มันเสียก่อนหมดประกันพอดี ประเด็นคือผมกลับไปหาอู่ที่ทำไว้ เขาดันไม่รับผิดชอบ อ้างว่าเป็นโช้คมือสอง

      ถือว่าเป็นบทเรียนให้พี่ ๆ ท่านอื่นที่เข้ามาอ่านแล้วกันครับ สิ่งสำคัญคือต้องหาอู่ดีๆให้ได้ด้วย ในการเล่นรถ Benz มือสองครับ

      ปล.ร้านซ่อมโช้ค ที่ผมเคยเห็นผ่านตา แต่ไม่เคยใช้บริการ
      https://www.facebook.com/wandbywizard/ (เท่าที่เคยคุยกับผู้ใช้ W220 คันอื่น เห็นว่าบริการไม่ค่อยดี)

  1. ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล ผมกำลังจะไปดูคันนึง ได้อ่านแล้วรู้สึกว่ามีประโยชน์มากครับ ถ้าได้มาแล้วจะมีเล่าให้ฟังบ้างครับ

ส่งความเห็นที่ J ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *